จาก Godzilla 1954 ถึง 2014(เร็วๆนี้)
* ตัวอย่าง Godzilla 2014 โปสเตอร์ทางการ และTrailer ล่าสุด ( ติดตามอัพเดทเสริม/ข้อมูลใหม่ๆอื่นๆ รวมทั้งแชร์คุยกันที่ แฟนเพจ สนทนาไซ-ไฟ )
Godzilla 1954 - ต้นฉบับ ก็อตซิลล่า ตัวแรกสุด
Director: Ishirô Honda
Writers: Ishirô Honda, Shigeru Kayama
Stars: Takashi Shimura, Akihiko Hirata, Akira Takarada
ปี ค.ศ.1954 ก็อตซิลล่าตัวแรกสุดได้ปรากฏตัว ซึ่งทางค่ายหนังบริษัท Toho ได้เปิดตัวภาคแรกนี้ในรูปแบบภาพยนต์ขาวดำ ถือเป็นหนังฟอร์มยักษ์ของญี่ปุ่นในยุคนั้นก็ว่าได้ อันกำกับโดยผู้กำกับนาม Ishiro Honda (ผู้เป็นเพื่อนสนิทและเคยกำกับผลงานร่วมกับ ผกก. ชื่อดังระดับตำนานของญี่ปุ่นอีกคน นั้นคือ "Akira Kurosawa" หนังที่ได้ร่วมงานกันก็อาทิ เรื่อง Dreams, Kagemusha หรือ Ran เป็นต้น)
* โปสเตอร์ Godzilla 1954
เผยในท้องเรื่องว่า ก็อตซิลล่า คือ สิ่งมีชีวิตสัตว์ประหลาดในตำนานของญี่ปุ่น มันเป็น "Kaiju" ชนิดหนึ่ง ไคจูในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง สัตว์ประหลาดยักษ์ อันเป็นความเชื่อปรัมปราของชาวบ้านแถบชายทะเล ที่ได้เล่าขานสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้วว่า ภาวะปกติมันจะหลับใหลอยู่ใต้พื้นมหาสมุทรลึกลับ แต่จะออกมาอาละวาดบางครั้งคราวเมื่อธรรมชาติเกิดอาเพศวิปริต! ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวโยงกับสิ่งศักดิ์เชิงศาสนา และเล่ากันว่าสมัยก่อนยังมีพิธีกรรมสวดวิงวอน ทั้งผนวกการบูชายัญสังเวยชัวิตคน ปล่อยลอยไปสู่กลางทะเลให้มันกิน! อีกด้วยต่างหาก (*ตรงนี้สื่อว่าในอดีตอันไกลโพ้น มันก็เคยปรากฏตัวให้เห็นกันบ้างแล้วเหมือนกัน?) โดยดั้งเดิมนั้นถูกเรียกชื่อว่า "โกจิร่า" (Gojira) ซึ่งมาจากคำว่า Gorila หรือ ลิงกอริลล่า + Kujira ญี่ปุ่นแปลว่า ปลาวาฬ ... ส่วนในเชิงวิชาการ/วิทยาศาสตร์ที่สมมุติฐานต่อมาในยุคหลังนี้ให้ความเห็นว่า ก็อตซิลล่า แต่เดิมอาจเคยเป็นไดโนเสาร์พันธุ์หนึ่งในปลายยุคครีเตเชียสในชื่อ ก็อดซิลล่าซอรัส ซึ่งเมื่อเกิดวิกฤติการณ์สูญพันธุ์ไดโนเสาร์ครั้งใหญ่ มันกลับหนีรอดชีวิตไปได้ โดยไปซ่อนตัวจำศีลอยู่ในถ้ำใต้ทะเลลึกมานานนับล้านๆปี !แล้ว (ซึ่งแน่นอนหน้าตาดั้งเดิมแท้ของมันคงไม่ใช่ ก็อตซิลล่า ที่คุ้นเคยกันในหนังเสียทีเดียว แต่จะเป็นอย่างไรนั้นก็คงไม่มีใครทราบได้)
ต่อมาพอมาถึงยุคใหม่ที่มนุษย์ได้มีการทดลองรังสีปรมาณูหรือนิวเคลียร์ใต้ทะเล ที่เรียกว่า H-Bomb (A-bomb = Atomic Bomb เป็นนิวเคลียร์ฟิสชั่น ใช้หลักการยิงอะตอมธาตุพวกกัมมันตรังสี ด้วยนิวตรอน แล้วไปชนอะตอมอื่นๆอีก จนเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ เป็นการระเบิด ... ส่วน H-bomb = Hydrogen Bomb เป็นนิวเคลียร์ฟิวชั่น(แบบเดียวกับดวงอาทิตย์) ใช้หลักการหลอมรวมอะตอมไฮโดรเจนให้กลายเป็นอะตอมของฮีเลียม ให้พลังงานออกมามากกว่าฟิสชั่นหลายเท่า ข้อมูลว่า ปริมาณเท่ากัน H-bomb 1 ลูก = A-bomb 1000 ลูก ) ผลข้างเคียงที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือ การระเบิดกลับเป็นกระตุ้นให้ โกจิร่า ในตำนานฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งทำปฏิกริยากับสารกัมมันตรังสีกลายพันธุ์มาเป็น ก็อตซิลล่า ตัวดำทะมึน ที่คุ้นจักกันดีในปัจจุบันนี่เอง ผลก็คือ ตัวมันใหญ่ยักษ์กำยำขึ้นมาก ผิวหนังหนาชนิดที่แม้แต่ระเบิดรุนแรงก็ไม่ระคายเคือง ทั้งมันยังมีพิษสงร้ายกาจสามารถพ้นแสงอะตอมทำลายล้างสูงได้ต่างหาก ประหนึ่งมีพลังงานนิวเคลียร์มหาศาลอยู่ในตัวมันเลยทีเดียว โดยมีครีบจำนวนมากที่ส่วนหลังของมันนั้นเป็นส่วนทำหน้าที่คล้ายเครื่องสปาร์คพลังได้เรื่อยๆ
แล้วมันก็ได้ก่อให้เกิดการสูญหายของเรือกลางทะเลมานักต่อนัก(ซึ่งในช่วงแรกยังไม่มีใครรู้ว่าหายได้อย่างไร) ทั้งยังขึ้นฝั่งมาอาละวาดทำลายล้างหมู่เกาะใกล้เคียงเป็นระยะๆ และต่อมาก็อตซิลล่าก็ได้บุกเข้าไปถึงใจกลางเมืองโตเกียวในที่สุด จนสร้างความเสียหายพินาศราบเป็นหน้ากลอง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้คนมากมายมหาศาลที่ต้องสังเวยชีวิตไป บ้างไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัสพิกลพิการ จึงนับเป็นหายนะร้ายแรงเป็นครั้งที่ 2 ถัดจากการถูกทิ้งระเบิดที่เมืองฮิโรชิม่า-นางาซากิ ก็ว่าได้ *ในเชิงนัยยะของหนังแล้ว ก็อตซิลล่า ก็คือปมสัญลักษณ์ของบาดแผลอันยิ่งใหญ่ของชาวญี่ปุ่น จากเหตุถูกบอมบ์ด้วยระเบิดนิวเคลียร์ที่เมืองฮิโรชิมากับนางาซากิเมื่อครั้งสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง อันเป็นฝีมือของอเมริกานั่นเอง ก็อตซิลล่า จึงเสมือนรูปธรรมของ Symbolic ในหนังที่สื่อถึงผลลัพธ์อันเลวร้ายของการใช้อาวุธมหาประลัยประหนึ่งเป็นสัตว์ประหลาดร้ายที่ถือกำเนิดจากน้ำมือมนุษย์ แล้วได้กลับมาทำลายมนุษยชาติด้วยกันเองในที่สุด
* อีกวิธีการสะกัดกั้น ก็อตซิลล่า ไม่ให้เข้าเมืองด้วยการสร้างรั่วไฟฟ้าแรงสูง รอบชายฝั่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล
และในเรื่องก็มีปมสำคัญที่น่าสนใจอีกกรณีหนึ่ง ที่จะเป็นการคลี่คลายวิกฤติก็อตซิลล่า นั่นก็คือกรณีของ"ดร.เซริซาว่า"(Daisuke Serizawa) นักวิทยาศาสต์ชื่อดัง ผู้ได้ทำการศึกษาทดลองลับๆเป็นการส่วนตัวมายาวนาน จนได้ค้นพบสารที่มีอานุภาพปฏิกริยาทำลายล้างสูงที่ยิ่งเสียกว่านิวเคลียร์!เสียอีก นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า "อ๊อกซิเจนเดสทรอยเยอร์" (Oxygen Destroyer) อนุภาพของมันสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในน้ำ-ใต้ท้องทะเล สลายได้ในพริบตาอย่างเหลือเชื่อ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะสามารถทำลายร่าง-ผิวหนังอันแข็งหนาของก็อตซิลล่าให้สลายไปได้ด้วยเช่นกัน ... แต่ลึกๆแล้วส่วนตัว ดร. เองก็ไม่อยากจะเผยแพร่ความรู้/การค้นพบนี้ต่อสาธารณะแต่ประการใด ก็ด้วยเกรงมันจะถูกนำไปใช้ซ้ำรอยกับกรณีนิวเคลียร์ในอดีต ในตอนแรกจึงคิดจะเก็บความลับนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว และเก็บตัวเงียบไม่ปริปาก แต่ด้วยสถานะการณ์วิกฤติก็อตซิลล่าที่ทีวีความรุนแรงยิ่งๆขึ้นทุกวัน ในที่สุดเขาก็จำต้องนำมันออกไปใช้จนได้ แต่เพื่อไม่ให้ความลับ/ความรู้/สูตรเกี่ยวอ็อกซิเจนเดสทรอยเยอร์ นี้แพร่งพรายไปถึงผู้ที่ไม่หวังดีอันอาจจะนำไปใช้ทางการทหารในอนาคต ดร.เซริซาว่า จึงได้ตัดสินใจเผาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอ็อกซิเจนเดสทรอยเยอร์ที่เขามี ทั้งอุทิศตนที่จะทำการปิดฉากชีวิตของก็อตซิลล่า ด้วยการเสี่ยงดำน้ำลงไปกำจัดมันด้วยตัวเองเท่านั้น (ทั้งๆที่ตนก็ไม่ได้มีประสบการณ์การดำน้ำใต้ท้องทะเลแต่อย่างใด) และท้ายที่สุด ดร. ก็ได้พลีชีพตนเองไปในโศกนาฎกรรมครั้งนี้ด้วย จุดประสงค์ก็เพื่อให้ภูมิปัญญาความรู้ อ๊อกซิเจนเดสทรอยเยอร์ ที่ยังมีอยู่ในสมอง/ความทรงจำของเขาแต่เพียงผู้เดียวนั้นได้ปิดฉากสูญสลายไปด้วยซะเลย
* ดร.เซริซาว่า - อ๊อกซิเจนเดสทรอยเยอร์ - และฉากสุดท้ายซากก็อตซิลล่า
อีกนัยยะน่าสนใจแง่คิดจากหนังก็คือ ถึงก็อตซิลล่าตัวแรกนี้ได้สิ้นชีพไปแล้วก็ตาม มันก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าปลายเหตุเท่านั้น เพราะตราบใดที่ยังมีการทดลองรังสีปรมาณูนิวเคลียส์ อสูรร้ายกลายพันธุ์ทำนองก็อตซิลล่า ก็จะยังเกิดมีขึ้นมาอีกซักวันเป็นแน่ ดังที่ "Kyohei Yamane-hakase" นักวิทยาศาสตร์อีกคนผู้ชำนาญวิชาที่ว่าด้วยสัตว์และพืชดึกดำบรรพ์ ผู้เสนอทฤษฏีว่าก็อตซิลลาเกิดจาก H-Bomb ทั้งยังเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาด้วยการฆ่าก็อตซิลล่า เขาอยากให้หาวิธีเก็บมันไว้ศึกษามากกว่า ซึ่งอาจได้รับประโยชน์อีกมากมายระยะยาว โดยได้กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างลึกซึ้งตอนจบของเรื่องว่า ...
"I can't believe that Godzilla was the last of its species. If nuclear testing continues ... the someday, somewhere in the world another godzilla may appear." : ผมไม่เชื่อว่านี่จะเป็นก็อตซิลล่าตัวสุดท้ายในเผ่าพันธุ์ของพวกมัน ตราบใดที่ยังมีการทดลองนิวเคลียร์ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ณ แห่งใดแห่งหนึ่งบนโลก จะมีก็อตซิลล่าตัวอื่นๆปรากฏตัวขึ้นอีกแน่นอน
หลังจากก็อตซิลล่า 1954 เป็นต้นมา ก็อตซิลล่าก็เป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่วโลก มีหนังภาคใหม่ออกตามมาอีกนับหลายสิบภาค ทั้งฉบับญี่ปุ่นเองและฉบับอเมริกา(รวมทั้งหมดทั้งสิ้น 32 ภาค! ฉบับญี่ปุ่น 28 ภาค / ฉบับอเมริกาสร้าง 4 ภาค *รวมล่าสุดที่กำลังจะฉาย 2014 แล้ว ภาคอะไรบ้าง คลิก ดูลิสต์) ผนวกกับต่อมามีภาค Comics หรือ ภาคGame ตามมาอีกมากมายต่างหาก ... แต่หนังภาคหลังๆนั้น ชั้นเชิงภาพยนตร์ในการสอดแทรกนัยยะเชิงไซไฟวิทยาศาสตร์-การเมือง-สงคราม ทำนองในแบบฉบับของ 1954 ดั้งเดิมนั้น ถึงจะดูจะลดความเข้มข้นขึงขังลงไปบ้าง โดยเนื้อหาหลักๆจะมีการจัดให้ก็อตซิลล่าปะทะฟัดกับสัตว์ประหลาดอื่นๆอีกด้วย นอกจากจะเป็นวายร้ายจอมป่วนเมืองที่มนุษย์ต้องคอยเฝ้าระวังระทึกแล้ว บางทีก็อตซิลล่าก็กลายเป็นฮีโร่ปกป้องโลกช่วยกำจัดวายร้ายสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆไปโดยปริยายอีกต่างหาก (สัตว์ประหลาดอื่นๆที่คุ้นกันก็อาทิ ผีเสื้อยักษ์ Mothra, เม้นยักษ์ Anguirus, มังกรสามหัว King Ghidorah หรือแม้แต่สู้กับหุ่นยนต์ก็อตซิลล่าอย่าง Mechagodzilla เป็นต้น) แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีไว้ลายไซไฟ อาทิ การแฝงอนุรักษ์ธรรมชาติ, การสะท้อนนายทุน(ผู้หาประโยชน์กับสัตว์ประหลาด), การเกี่ยวโยงกับมนุษย์ต่างดาว, การทดลองวิทยาศาสตร์-ชีวภาพกลายพันธุ์, จนถึงการสร้างนวัตกรรมหุ่นยนต์-อาวุธล้ำสมัย ฯลฯ) บางภาคพล็อตเรื่องมีชั้นเชิงซับซ้อนพอตัว ทั้งตัวละครก็ไอเดียแปลกประหลาดน่าสนใจมาก อาทิ สิ่งมีชีวิตเทพธิดาแฝด ... เรียกว่าทีมผู้สร้างสมัยนั้นใส่ใจทำการบ้านเยอะอยู่ ใช่เพียงแค่หมายทำหนังให้เด็กสนุกๆผ่านๆแค่นั้น ... และโดยรวมแล้วหนังก็ประสบผลสำเร็จในแง่การตอบรับ-รายได้เป็นอย่างดีเสมอมา ก็ด้วยแม่เหล็กรูปลักษณ์และน้ำเสียงคำรามอันเป็นเอกลักษณ์ ของพระเอกหลักก็อตซิลล่านั่นเอง และยังได้รับขนานนามจากแฟนๆว่ามันคือ "king of the monsters" ราชันย์แห่งสัตว์ประหลาดทั้งปวง
( * สนใจ(โหลด-สั่งซื้อ) หนัง Godzilla ต้นฉบับญี่ปุ่นหายาก ชุดใหญ่ 28 ภาค 1954-2004 ครบบริบูรณ์ คลิกที่นี่)
จวบจนปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า Godzilla ได้ขึ้นแท่นเป็นตำนานกลายเป็นหนึ่งในไอคอนสัญลักษณ์ประจำชาติญี่ปุ่น ทั้งกลายเป็น "หนังคัลต์" ในระดับโลกเป็นที่เรียบร้อย(โดยเฉพาะภาคญี่ปุ่นชุดดั้งเดิมเก่าๆ ยุค 60-90) แต่ความจริงอย่างหนึ่งก็คือสำหรับ Godzilla ฉบับญี่ปุ่นยุคเก่าแล้วนั้น เชื่อว่าเราๆส่วนใหญ่มักได้ดูจากทีวี ตอนยังเป็นเด็ก ไม่ได้ดูในโรงภาพยนตร์โดยตรง อย่างส่วนตัวแล้วดูจากทีวีตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับหนัง นอกจากขอเพียงได้ดูก็อดซิลล่าคำราม ฟัดกับสัตว์ประหลาดเป็นโอเค และคงน้อยคนที่จะได้ดูครบถ้วนทุกภาคที่ทีวีได้ฉาย อาจได้ติดตามดูทันเพียงไม่กี่ภาค อย่างเก่งก็ห้าหกภาค จากที่มีถึงยี่สิบกว่าภาคดังเกริ่น ก็ด้วยแม้แต่ทีวีก็นำเข้ามาฉายไม่ครบนั่นเอง ทั้ง VCD หรือ DVD ที่บ้านเราผลิตมาจำหน่ายภายหลัง ก็ผลิตออกมาแบบกระจัดกระจาย และเหมือนจะยังไม่มีผลิตแบบชุด Boxset ในฉบับพากย์ไทยครบถ้วนอย่างเป็นทางการ (ในอนาคตหวังว่าจะมี :) ) จึงไม่แปลกอะไรที่น้อยคนจะมีโอกาสได้ดูแบบครบถ้วนทุกภาค
* ตัวอย่างสัตว์ประหลาดยักษ์หรือไคจูหลักๆ ที่ถูกจับมาปะทะกับก็อตซิลล่าภาคพิเศษในเวลาต่อๆมา อาทิ ... แถวบนจากซ้ายตามลำดับ: Mothra, Anguirus, Rodan, - แถวล่างจากซ้าย: King Ghidorah, Mechagodzilla, Hedora เป็นต้น และถ้าให้นับภาคหนังสือการ์ตูน-เกมส์ด้วยแล้ว ก็ยังมีสัตว์ประหลาดยักษ์ปลีกย่อยอื่นๆอีกมากมาย สาธยายกันไม่หมดล่ะนะ :)
Godzilla 2014 - ก็อตซิลล่า ตัวล่าสุด
Director: Gareth Edwards
Writers: Max Borenstein, Dave Callaham
Stars: Aaron Taylor-Johnson, Elizabeth Olsen, Bryan Cranston
* และนี้คือคลิปหลุด! Teaser *อย่าลืมกดตรงตัวหนังสือ HD(ขวาล่าง)ด้วย เพื่อดูแบบชัดสะใจยิ่งขึ้น :)
และก็มาถึง Godzilla เวอร์ชั่นรีบู๊ทล่าสุด 2014 ที่จะฉายในอนาคตอันใกล้นี้ (จากภาค 1954-2014 ก็อตซิลล่า ก็มีอายุครบ 60 ปี!) แต่ ณ ขณะนี้ก็ยังไม่มีการเผยเนื้อเรื่องย่ออย่างเป็นทางการออกมาแต่อย่างได้ (เหมือนจะพยายาม ปิดเป็นความลับกันสุดๆ :) แต่จากตัวอย่างที่นำมาเปิดที่งาน Comic-Con ก็เผยให้เห็นว่าเบื้องต้นหนังมีการอ้างอิงถึงคำของ "โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์" บิดาผู้สร้างระเบิดปรมาณู (ที่ถูกนำไปบอมบ์ญี่ปุ่นยับเยินอย่างที่ทราบๆกัน) ผู้มีวาทะอันโด่งดัง ... "ข้ากลายเป็นมัจจุราช ผู้ทำลายล้างโลก" (*ดูรายละเอียดเสริมด้านล่างๆ)
* บางฉากจาก Godzilla 2014 Teaser(หลุด) ซากเมืองโลกาวินาศ! ผลจากจากการอาละวาดของ Godzilla หรือเปล่า ?
* บางฉากจาก Godzilla 2014 Teaser(หลุด) เผยจะได้เห็นซาก สัตว์ประหลาดที่ไม่ใช่ ก็อตซิลล่าแน่นอน แต่มันคือตัวอะไร ? มันคับคล้าย Mothra ?
แฟนหนังหลายท่าน-นักวิจารณ์หลายสำนัก จึงเก็งพ้องต้องกันว่า ระเบิดนิวเคลียร์จะยังคงมีความเกี่ยวโยงกับหนังก็อตซิลล่าตัวใหม่ 2014 นี้อย่างแน่นอนไม่ทางใดก็ต่างหนึ่ง และที่น่าสนใจกว่านั้น Godzilla 2014 น่าจะมีการสื่อนัยยะวิพากษ์วิจารณ์ความโหดร้ายของมนุษย์ด้วยกันเอง ทั้งมีนัยยะทางวิทยาศาสตร์-การเมือง ทำนองที่ Godzilla 1954 ที่เคยเป็นมา และคาดกันว่าน่าจะได้เห็นฉากการปะทะกันระหว่างก็อตซิลล่ากับสัตว์ประหลาดยักษ์พันธุ์อื่นๆบ้างด้วยเช่นกัน ซึ่งแน่นอนละว่าจะต้องมาในแบบฉบับของหนังยุคใหม่ที่มีฉากอลังการจากเทคโนโลยี CG-3D อีกต่างหาก และจาก Teaser ที่หลุดมานั้นจะเห็นว่า CG เนี๊ยบมาก+บรรยากาศฉากโดยรวมก็ดูดิบขึงขังทีเดียว ... (*ค่อนข้างต่างจากหนังจาก Hollywood ล่าสุดอย่าง "Pacific Rim(2013)" อันเป็นหนังแนวคารวะหนังไคจูญี่ปุ่นเช่นกัน ซึ่งออกฉายไปก่อนหน้าแล้ว จึงมีการถูกเพ่งเล็งเปรียบเทียบกันบ้างพอควร ว่าแนวหนังของ Godzilla 2014 มันจะทับซ้อนตามรอยเดียวกับ Pacific Rim หรือไม่ ... แต่จาก Teaser อย่างที่เห็น ก็น่าจะอุ่นใจได้ระดับหนึ่งแล้ว มันเป็นคนละธีมกันเลย เพราะ Pacific Rim โทนสีสันค่อนข้างจัดจ้านแฟนซีสดใส ในขณะที่ Godzilla เบื้องต้นดูจะแนวดิบ-อึมครึม) ...
... Godzilla 2014 จึงนับได้ว่าเป็นหนังที่น่าจับตามองที่สุดเรื่องหนึ่งของปี 2014 ที่จะถึงนี้ เพราะ Godzilla เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของญี่ปุ่น ที่คนต่างชาติรู้จักกันดี และมันก็ยังได้จารึกให้เป็นหนึ่งใน Star of Hollywood ตลอดกาลอีกต่างหาก จึงไม่แปลกที่จะเกิดการความคาดหวังสูงส่งเป็นพิเศษต่อแฟนหนังแนวไซไฟสัตว์ประหลาด โดยเฉพาะระดับสาวก/แฟนบอยคนรักก็อตซิลล่า ทั้งคนรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ที่มีอยู่ทั่วโลก
* Godzilla ในฐานะหนึ่งใน Star of Hollywood ตลอดกาล
*ปล. และเมื่อ Godzilla 2014 ฉายแล้ว (เบื้องต้นกำหนดฉายที่ 15 พฤษภา 2014) หนังจะออกหัว/ออกก้อย ลงเอยยังไง ไว้จะกลับมารีวิว-สนทนาจัดเต็มกันในหน้าเว็บแห่งนี้อีกที ส่วนระหว่างรอนี้ก็เชิญแวะไปติดตามอัพเดท-แชร์ข้อมูลใหม่ๆ-รวมทั้งพูดคุยกันได้ที่ แฟนเพจ สนทนาไซ-ไฟ
* รูปซ้าย: ว่ากันว่านี่คือต้นแบบ Concept Art สำหรับ ใช้สร้างหุ่น Godzilla 2014 ตัวจริงๆ อันมีคนบังคับอยู่ข้างใน สำหรับใช้กับบางฉากด้วย (นอกจากที่ใช้ CG เป็นหลัก) ทั้งนี้ก็เพื่อความสมจริงของเนื้อหนัง ... ส่วนผังทางขวานั้นแสดงให้เห็นว่า Godzilla ตัวโตขึ้นเรื่อยๆในหนังภาคใหม่ๆ และสำหรับ 2014 ล่าสุดมันมีขนาดสูงถึง 120-150 เมตร!
'Muto' สัตว์ประหลาดน้องใหม่ล่าสุดใน Godzilla 2014 * สังเกตจากภาพหน้าจอขวาล่างมี Muto 1 กำลังคลาน และ Muto 2 กำลังบิน (ดูคลิป Trailer ด้านบนสุดอีกที ฉากแว้บๆ ที่ช่วงเวลา 1.45) ... Muto ออกแบบร่วมกันโดยต้นตำรับก็อดซิลล่าญี่ปุ่น Toho สตูดิโอ กับฝั่งผู้สร้างฮอลลีวูด Legendary Pictures เรียกอีกชื่อเต็มๆ 'Hokmuto' ,,,, ซึ่งดูจะเผยเน้นพอควรใน Trailer ที่ผ่านมา ... เบื้องต้นข้อมูลหลุด-ลือ(แต่ไม่คอนเฟิม 100%นะ) ว่ามันคือ สัตว์ประหลาดสร้างจากน้ำมือมนุษย์เรานี่เอง ด้วยวิทยการพันธุวิศวกรรม (เพื่อชนกับ ก็อด ??) ... ส่วนจะมีสัตว์ประหลาดอื่นๆแจมอีกมากน้อย หรือไม่อย่างไร ? ลุ้นเต็มๆอีกทีในโรง :)
Godzilla - Asia Trailer / มีเผยฉาก Muto บินเต็มๆ
ฉากฮิตเปรียบเทียบภาคเก่า-ภาคใหม่ 'ก็อดซิลล่าล่องทะเลขึ้นฝั่ง' ... ส่วนภาค 2014 ล่าสุดคงจะเห็นใน Trailer แล้วว่า มันก่อให้เกิดเป็น ระดับคลื่นยักษ์สึนามิถล่มวินาศ! กันเลยทีเดียว
*เสริม เกี่ยวกับ "โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์" (J. Robert Oppenheimer) เขาคือนักฟิสิกส์ และหัวหน้าโครงการแมนฮัตตั้น (Manhattan Project)ซึ่งเป็นโครงการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ โดยใช้สถานที่หลักคือ ห้องแล็บ Los Alamos ในมลรัฐ นิวเม๊กซิโก เป็นฐานที่มั่น ซึ่งต่อมาอย่างที่ทราบกันระเบิดนิวเคลียร์นี้เองถูกนำไปใช้บอมบ์ ฮิโรชิม่า และนางาซากิ เสียหายยับเยินกลายเป็นอีกโศกนาฏกรรมสยองขวัญ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ... เค้าจึงได้รับฉายาว่า "The father of the atomic bomb" ... และหลังสงครามโลก เค้าได้ขึ้นเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของ United States Atomic Energy Commission และด้วยความที่รู้สึกผิดบาป !? จากผลระเบิดนิวเคลียร์ญี่ปุ่นนั้นเอง เค้าจึงใช้ตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับนี้ในการยับยั้ง และขัดขวางทุกทาง ต่อนโยบายการใช้พลังงานนิวเคลียร์ และการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ (โดยเฉพาะเพื่อแข่งกับรัสเซียในสงครามเย็นสมัยนั้น)
และนี่คือ คำแถลงอันเป็นตำนานของเขาตอนหนึ่ง... ให้สัมภาษณ์ความรู้สึก ต่อกรณีการบอมบ์ระเบิดนิวเคลียร์ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว โดยอ้างคัมภีร์มหากาพย์อินเดียโบราณอย่าง "ภควัทคีตา"... (ว่ากันว่า ฮิตเลอร์! เอง ก็ได้แจกคัมภีร์นี้ให้กองทัพนาซีได้อ่านปลุกใจช่วงที่ทำสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยเช่นกัน)
"We knew the world would not be the same. A few people laughed, a few people cried, most people were silent. I remembered the line from the Hindu scripture, the Bhagavad-Gita. Vishnu is trying to persuade the Prince that he should do his duty and to impress him takes on his multi-armed form and says, "Now, I am become Death, the destroyer of worlds." I suppose we all thought that one way or another." -J. Robert Oppenheimer
"เรารู้ว่าโลกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บางคนหัวเราะ บางคนร้องไห้ แต่คนส่วนใหญ่จะเงียบงัน ผมจำถ้อยคำวลีหนึ่งจากคัมภีร์ของฮินดูที่ชื่อ 'ภควัทคีตา' ได้ พระวิษณุได้ปลุกใจให้เจ้าชาย(อรชุน ผู้ท้อแท้หมดอาลัยที่จะทำสงครามต่อไป)ได้ตระหนักว่าเขาควรต้องกระทำหน้าที่ของเขาต่อไป และเพื่อให้เจ้าชายได้ซาบซึ้งเชื่อมั่นยิ่งขึ้น พระวิษณุท่านจึงได้เปิดเผยตัวตน โดยสำแดงองค์ในร่างที่มีหลายพระกร แล้วตรัสว่า “เอาละ... ข้ากลายเป็นมัจจุราช ผู้ทำลายล้างโลก” ผมคิดว่าพวกเราทุกคนก็คิดอย่างนั้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง"
นอกจากนี้ ออพเพนไฮเมอร์ ยังเป็นนักวิทยาศาสตร์อีกผู้หนึ่งที่ศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า และได้มีกล่าวไว้ว่า
"The buddha has given such answers when interrogated as to the conditions of man's self after his death ; but they are not familiar answers for the tradition of seventeenth and eighteenth-century science." -J. Robert Oppenheimer
"พระพุทธเจ้าได้ให้คำตอบเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายไว้แล้ว แต่คำตอบของพระพุทธเจ้าไม่อาจทำความเข้าใจได้ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 หรือ 18 นี้"
เครดิต http://www.scifi.siligon.com/
หน้าที่เข้าชม | 2,387,690 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,213,488 ครั้ง |
เปิดร้าน | 20 ธ.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |