แอนโธนี่ เอ็ดเวิร์ด โทนี่ สตาร์ค บุตรชายของ “โฮเวิร์ด สตาร์ค” ผู้ที่สร้างกัปตันอเมริกา แม่คือ “มาเรีย สตาร์ค” มหาเศรษฐีนักอุตสาหกรรมประธานบริษัท “Stark Industries” โฮเวิร์ด สตาร์ค ได้ส่ง บูตรชาย โทนี่ ซึ่งเป็นเด็ก อัจฉริยะ เข้าเรียนที่ MIT สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า ตั้งแต่อายุแค่ 15 ปี และจบออกมาเมื่ออายุได้ 21 ปีเท่านั้น (ซึ่งจบก่อนเกณฑ์กว่าคนปกติ)
หลังจากที่พ่อของ โทนี่ ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ทำให้ โทนี่ ขึ้นเป็นผู้นำบริษัท เขาได้นำ “Stark En.” เข้าสู่อุตสากรรมการผลิต อาวุธสงคราม รวมไปถึงการพัฒนาชุดรบเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและศักยภาพของอาวุธ โทนี่ สตาร์ค ได้ทำการเสนอขายจรวดชุดใหม่ที่ใช้ยิงถล่ม ภูเขาทั้งลูกได้ แต่ทว่าตอนกลับขบวนรถคุ้มกันได้ถูกโจมตีโดย กลุ่มผู้ก่อการร้าย
โทนี่ สตาร์ค ได้โดนสะเกิดระเบิด แต่ไม่ได้ตายทันที จึงถูกพา ไปที่ฐานและถูกขุมขังไว้กับ โฮ ยินเซน ซึ่งได้ช้วยชีวิต โทนี่ สตาร์ค ไว้โดยที่สร้างจานแม่เหล็กครอบหน้าอกของ โทนี่ สตาร์ค ไว้เพื่อไม่ให้สะเก็ดระเบิด วิ่งเข้าสู่หัวใจ ก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันสร้างชุดเกราะเหล็กขึ้นมาเพื่อใช้หลบหนี
แต่ที่ระหว่างกำลังบรรจุไฟเข้าไปในชุดเกราะ วอง-ชู ก็กำลังจะมาตรวจว่าสตาร์คสร้าง อะไรอยู่ ยินเซนจึงสละชีวิตตัวเองถ่วงเวลาเพื่อให้ โทนี่ สตาร์ค บรรจุพลังงาน ทันเวลา ระหว่างนั้นที่รอเวลา ยินเซนเก็บปืนและยิงถ่วงเวลา
แต่โดนยิงเสียชีวิตทำให้ โทนี่ สตาร์ค แค้นทำลายอาวุธในฐานของวอง-ชู ซึ่งเป็นอาวุธของบริษัทของ สตาร์ค จนหมดสิ้น นับแต่วันนั้นมาเขาก็กลายเป็น มหาประลัยคนเกราะเหล็ก ไอรอนแมน
จึงทำให้ โทนี่ สตาร์ค หันมาให้ความสำคัญกับบริษัทมากขึ้น เขาเรียนรู้วิธีการดำเนินธุรกิจเเละวิธีการตลาดจาก “เป็ปเปอร์ พ็อต” เลขา ด้วยมันสมองอันชาญฉลาด ทำให้เขากลายเป็นนักธุรกิจที่ทรงอำนาจของอเมริกา
ต่อจากนั้นเค้าก็ทำการแถลงข่าวพร้อมโปรโมทโฆษณาเกี่ยวกับ Iron Man ซึ่งกลายเป็น Mascot ของบริษัทโดยที่ตอนหลังได้ประกาศว่าเป็นหุ่นบอดี้การ์ดส่วนตัว หลังจากนั้นก็ได้ทำการเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วเขาคือ Iron Man นั้นเอง
หลังจากนั้น โทนี่ สตาร์ค ได้เริ่มทำการสร้างอุปกรณ์กำเนิดพลังงานอันใหม่ที่จะกันสะเกิดระเบิดในร่างกายของเขาให้ออกห่างหัวใจเพราะตัวเก่าที่ทำมาพลังงานไม่พอและเริ่มพัฒนาชุดเกราะใหม่ๆ เพื่อให้เขามีอายุที่ยืนยาวขึ้น
ซึ่งสร้างออกมาในหลายรูปแบบ สามารถบินได้และมีอาวุธติดตั้งไว้ครบครัน แต่ทว่าก็ยังไม่รอดโทนี่ สตาร์ค ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหล่าผู้ก่อการร้ายเขาจึงเสริมสมรรถภาพด้วยนาโน เทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง นาโนเทคโนโลยี ที่มีชื่อว่า “เอ็กซตรีมมิสท์” เข้าไปเพื่อรักษาชีวิต
แต่มันกลับส่งผลเปลี่ยนให้ โทนี่ สตาร์ค กลายเป็นผู้มีความสามารถเหนือมนุษย์ โดยเค้าสามารถเก็บชุดเกราะเอาไว้ในช่องระหว่างกระดูกสันหลังได้ การทำงานประสานกับชุดเกราะรวดเร็วมากขึ้นเพราะสั่งผ่านคลื่นสมองได้โดยตรง (เกินขอบเขตของมนุษย์ไปและ)
หลังจากที่สแตน ลี สร้างจักรวาลมาร์เวลเป็นปึกแผ่นผ่านตัวละครอย่างแฟนตาสติก โฟร์, ธอร์, ฮัลค์ และสไปเดอร์แมน เขาก็ยังไม่หยุดคิดที่จะสร้างตัวละครใหม่ตัวละครใหม่ๆออกมา คราวนี้สิ่งที่เขาคิดคือ “อัศวินในชุดเกราะแวววาว” ลีเล่าว่า “การ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ของเราขายดีแล้ว ผมก็เป็นคนกินเงินเดือน
เจ้าพ่อ Marvel และเป็นผู้ที่เก่งที่สุดในการ์ตูนในหนังภาพยนตร์จะเห็นเค้าออกมาในฉากต่างๆ
“เจ้านายบอกว่า “การ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่มาทำเพิ่มกันเถอะ” ลีก็ต้องเอาด้วย “แต่เราจะทำให้ต่างออกไปจากเดิมยังไงดีละ” หลายๆ ทฤษฎีบอกว่าลีได้ไอเดียมาจากหุ่นยนต์ในหนังเกรด B ที่ฉายกันอยู่ในยุค 60 แต่ลียืนยันว่าเขาได้ไอเดียมาจาก “คนที่ใส่ชุดเกราะที่ทำให้เกิดพลังพิเศษแบบอัศวินของกษัตริย์อาเธอร์ ที่มีเกราะวิเศษ ผมไม่ได้คิดถึง. หุ่นยนต์อะไรนั่น แต่คิดถึงชายในศตวรรษที่ 20 ที่สวมเกราะแล้วกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่”
ไอรอนแมนปรากฏตัวครั้งแรกใน Tale Of Suspense 39 (ธันวาคม 1962) แอนโทนี่ เอ็ดวาร์ด “โทนี่” สตาร์ค มหาเศรษฐีหนุ่มนักประดิษฐ์เพลย์บอย พ่อค้าอาวุธสงครามที่ออกแบบอาวุธให้กองทัพสหรัฐใช้ต่อสู้กับพวกกองโจรเวียตกง แต่เมื่อเขาไปเยือนสมรภูมินี้
เขาตกเป็นเหยื่อกับระเบิดและมีสะเก็ดชิ้นหนึ่งฝังใกล้หัวใจและถูกหัวหน้ากอง โจร วอง-ชู จับตัวไป เขาบังคับให้สตาร์คสร้างอาวุธจรวดมหาประลัยให้แล้วจะรักษาสตาร์คให้ แต่สตาร์คกับเพื่อนร่วมคุมขัง ยินเซน ร่วมมือกันสร้างชุดเกราะช่วยยืดอายุสตาร์ค และหลบหนีได้
เพราะมันจะทำให้เขาแข็งแกร่ง เร็วกว่าธรรมดา แต่แล้ว ยินเซน กลับต้องสละชีวิตเพื่อถ่วงเวลาให้สตาร์คชาร์ตพลังงานชุดเกราะด้วยความแค้นเขาจึงทำลายฐานทัพของวอง-ชูจนหมดสิ้นและหนีกลับสหรัฐได้ แต่เขาต้องใส่เกราะตลอดชีวิตเพื่อป้องกันสะเก็ดระเบิดในร่างกาย
พอถึง Tale of Suspense 40 (เมษายน 1963) ทำให้เรารู้ว่าไม่เพียงแต่ต้องใส่เกราะ เขายังคงต้องชาร์จพลังงานมันตลอดเวลา ไม่งั้นพอพลังงานหมดเขาจะตาย แง่มุมนี้เพิ่มความน่าเห็นใจให้สตาร์คมากขึ้น นอกจากนี้เขายังได้ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงเกราะของเขา (ซึ่งจะเป็นสิ่งที่เขาทำไปตลอด)
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเรียกว่าไมเนอร์ เชนจ์ (Minor Change) เพราะโครงสร้างรูปร่างเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนสีจากสีเทาเป็นสีทอง และเป็นที่มาของฉายาโกลเด้น อเวนเจอร์ (Golden Avenger) ที่เปลี่ยนเพราะสีเทามันดูน่ากลัวไปและพัฒนาให้มันเก็บใส่กระเป๋าได้! และยังติดตั้งอุปกรณ์มากมาย
หลังจาก โทนี่ สตาร์ค ได้ใช้ชีวิตในฐานะ IRON MAN สตาร์คมีผู้ช่วยชื่อ “เป็ปเปอร์ พ็อต” และคนขับรถส่วนตัวของสตาร์ค “แฮปปี้ โฮแกน” ซึ่งเป็นอดีตนักมวย สตาร์คได้บอกว่า IRON MAN เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขา เพื่อปกปิดตัวจริง สตาร์คได้ไปร่วมทีมกับ ดิ อเวนเจอร์ และได้ปรับปรุงชุดเกราะให้ทันสมัยขึ้น เป็นชุดเกราะสีแดง-ทอง หรือไออ้อน แมน MK III (Classic Armor) และได้ปะทะกับศัตรูต่างๆมากมาย เช่น คริมสัน ไดนาโม, แมนดาริน, เมลเตอร์
สตาร์คได้พบกับสิ่งต่างๆ มากมาย และได้พบกับหน่วย S.H.I.E.L.D (Strategic Homeland Intervention, Enforcement and Logistics Division) หรือแปลได้ไทยว่า กองงานยุทธวิธีจัดระเบียบกำลังพิเศษแห่งมาตุภูมิ โทนี่คอยสร้างอุปกรณ์และอาวุธต่างๆ ให้กับหน่วย S.H.I.E.L.Dและฮ๊โร่คนอื่นมากมาย
โทนี่ ได้เปิดเผมต่อสาธารณะเรื่องหัวใจของเขา กับการปรากฏตัวของกลุ่มมาเฟีย แม็กเจีย และสาวร้าย วิธนี่ย์ ฟรอสท์ กลุ่มแม็กเจียได้คอยจำหน่ายอาวุธให้เหล่าวายร้ายต่างๆ และเรื่องที่สตาร์คถูกแทนที่โดยตัวปลอมซึ่งก็คือหุ่นกลหรือ LMD (Life Model Decoy) ที่เกิดอุบัติเหตุทำให้มันคิดว่ามันคือ โทนี่ สตาร์ค จริงๆ โทนี่ สตาร์ค จึงต้องต่อสู้กับหุ่นจำลองของเขา และเอาชนะไปได้
ในช่วงเดียวกันนั้นเอง จัสตินแฮมเมอร์ คู่แข่งทางธุรกิจของ โทนี่ สตาร์ค ได้จ้างเหล่าร้ายให้ไปทำร้าย โทนี่ สตาร์ค ยิ่งไปกว่านั้นชุดเกราะไอรอนแมนยังถูกขโมยไปใช้สังหารนักการทูตคนหนึ่ง แม้ว่า โทนี่ สตาร์ค จะไม่เป็นที่สงสัยในทันที แต่ โทนี่ สตาร์ค ก็ถูกบังคับให้นำชุดเกราะเข้ามอบต่อเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ในที่สุดแล้ว โทนี่ สตาร์คและเจมส์ก็สืบหาความจริงผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังได้ แต่ก็ใช่ว่าจัสตินจะเลิกตอแย โทนี่ สตาร์ค และด้วยความช่วยเหลือจาก เบธทานี่ เคบ เพื่อนและผู้ช่วยของเขา (ซึ่งกลายเป็นแฟนสาวของเขาในเวลาต่อมา) ทำให้ โทนี่ สตาร์ค ฝ่าวิกฤติมากมายพร้อมทั้งยังเลิกเหล้าได้เป็นผลสำเร็จ
ปะทะ ดร. ดูม แม้จะผ่านพ้นมรสุมชีวิตมาได้ ก็ใช่ว่าชีวิตจะเรียบง่ายขึ้น ทว่ากลับซับซ้อนยิ่งขึ้นกับการมาถึง ด๊อกเตอร์ดูม ซึ่งมีตัวร้ายฉวยโอกาสส่งทั้งสองกลับไปยังยุคของกษัตริย์อาเธอร์ โดย IRON MAN ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางแผนการร้ายของด็อกเตอร์ดูมก่อนที่ ทั้งคู่จะกลับมายังยุคเดิม
เมื่อทุกๆ อย่างเกือบจะลงตัวเมื่อเขาสามารถเอาชนะโรคติดสุราเรื้องรังแต่ เขาต้องพบกับ โอบาห์ไดอาห์ สเตน คู่แข่งทางการค้าของโทนี่ (ในหนังเขาเปรียบเสมือนลุงของโทนี่ เพราะเขาเป็นเพื่อนกับพ่อของโทนี่) เขาใช้วิธีสกปรกเล่นงานโทนี่ ด้วยการส่งสาวงามอย่างอินดรีส์ มูนิลมาหลอกล่อให้เขาหลงรัก ก่อนที่จะสลัดเขาทิ้ง และจ้างศัตรูที่ร้ายกาจอย่าง Magma เข้าโจมตีบริษัท ทำให้เขา รวย เครียด กินเหล้า อีกครั้งจนเขากลับมาเป็นโรคติดสุราเรื้อรังจนบอร์ดบริหารต้องลงมติถอด โทนี่ ออกจากบริษัทแต่ถึงกระนั้น โทนี่ ก็ยังฝากให้เพื่อนสนิทอย่าง เจมส์ โรดส์ เป็นผู้ที่สวมชุด IRON MANแทน
หลังจากที่สตาร์คตกต่ำมานาน เขาได้ช่วยทำคลอดหญิงท้องแก่ในตรอกที่เต็มไปด้วยหิมะ เขาก็คิดได้ และตั้งใจจะสร้างชีวิตใหม่ เขาย้ายไปซิลิคอน วาเล่ย์พร้อมกับโรดส์ และพี่น้องไคมเทมเนสตร้า ก่อตั้งบริษัท Circuits Maximus และค้นพบว่าโรดส์ค่อยๆ ก้าวร้าว ดุดันและหวาดระแวงขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากชุด IRON MAN นั้นไม่ได้ถูกออกแบบให้มีคลื่นสมองตรงกับเขาเขา จนในที่สุดเจมส์บันดาลโทสะออกอาละวาด ทำให้โทนี่ต้องสร้างชุดเกราะ MK VI หรือ Recovery Armor ที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับ MK I และต่อสู้กับโรดส์ ก่อนที่จะปรับความเข้าใจกัน อีกด้านหนึ่ง สเตนได้บุกโจมตีCircuits Maximus ทำให้โรดส์พิการชั่วคราว สเตนได้สร้างชุดเกราะ ไอออน มองเกอร์ เพื่อจัดการสตาร์ค โทนี่จึงสร้างเกราะ MK VIII หรือ Silver Centurion ขึ้น ต่อสู้กับ ไอรอน มองเกอร์ และเอาชนะไปได้
มีผู้คนมากมายนำแบบชุดเกราะซึ่งอิงตามงานสร้างและเทคโนโลยีแบบเดียวกับ IRON MAN อันเป็นผลจากการที่งานของเขานั้นถูกขโมยไปโดย สปายมาสเตอร์ ไปใช้สร้างชุดเกราะกันเอง ทั้งยังนำไปใช้ในทางที่ผิดด้วย โทนี่จึงออกมาประกาศกว่าไม่ให้นำชุดเกราะที่สร้างอิงแบบ IRON MAN ไปใช้ ความประสงค์ดังกล่าวของ โทนี่ นั้นได้สร้างชื่อเสียงให้กับเขาให้ฐานะ IRON MAN เป็นอย่างมาก ภายหลังจากที่ โทนี่ ได้เข้าต่อสู้และทำลายพวกวายร้ายระดับล่างอย่าง สติล์ทแมน แล้วเขาก็ล้มหน่วยสตริงเรย์นั้นไม่ได้อิงจากแบบของเขา
เขาจึงแก้เกมส์ด้วยการยิง IRON MAN ทิ้งเสีย ในขณะเดียวกันก็พยายามที่จะบรรลุเป้าหมายหลักที่แท้จริง ด้วยการสร้างเรื่องขึ้นมาว่าตนต้องการจะหยุด IRON MAN ตัวร้ายที่กำลังจะหยุด ชุดเกราะMandroids ของหน่วย S.H.I.E.L.D. และหยุดชุดเกราะ Guardsmen อันจะส่งผลให้บรรดา ตัวร้ายที่ถูกควบคุมอยู่หลบหนีออกไปได้ ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงประกาศให้ IRON MAN เป็นบุคคลอันตราย และเป็นพวกนอกกฎหมาย ไม่สามารถเดินทางเข้าอเมริกาได้ เขาจึงเดินทางไปยังประเทศรัสเซีย ซึ่งเขาได้เผลอฆ่าไทเทเนี่ยมแมน ซึ่งเป็นคนรัสเซีย
เมื่อเขาแอบเข้ามาในอเมริกา ทางรัฐบาลก็ปล่อยให้ ไฟเออร์เพาเวอร์ มาสู้แต่โทนี่รู้อยู่แล้วว่าสู้ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา จึงแกล้งแต่งเรื่องว่า IRON MAN ตายไปแล้ว เหลือแต่เพียงชุดเกราะที่พุพัง และเมื่อไฟเออร์เพาเวอร์เริ่มเข้าสู่ด้านโฉด โทนี่ เลยมีโอกาสสร้างชุดเกราะ MK VIII หรือ Neo-Classicไปจัดการ ไฟเพาเวอร์ โดยอ้างว่าคนที่อยู่ข้างในนั้นเป็นคนอื่น
แคธี่ แดร์ คู่ดวงของโทนี่ เป็นหญิงสาวที่ใกล้จะพังทะลายทางจิต แล้วสุดท้ายเธอก็สติแตก ยิง โทนี่กลายเป็นคนพิการ ก่อนที่เธอจะฆ่าตัวตาย นั่นผลักให้ โทนี่ ต้องใคร่ครวญสิ่งที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ทำให้เขาต้องเลิกเป็น IRON MAN แต่ทำให้เขาต้องเป็น IRON MAN มากขึ้น เพราะเมื่ออยู่ในเกราะเขาจะเคลื่อนไหวได้ สุดท้าย โทนี่ ก็หายโดยการฝังไมโครชิพไปที่สันหลัง
IRON MAN ได้ไปเป็นส่วนหนึ่งของ Operation Galactic Storm ซึ่งเป็นสงครามระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์ คือ ครี และ ชี-อะห์ และส่งผลต่อโลก เหล่าอเวนเจอร์ จึงต้องไปแก้ไขเรื่องนี้ พวกเขาได้เจอตัวการคือ Supreme Intelligence ซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าครี กัปตัน อเมริกา มีความเห็นว่าไม่ควรฆ่าสิ่งมีชีวิตโดยเปล่าประโยชน์ แต่ IRON MAN กลับคิดว่าต้องฆ่า Supreme Intelligence เพื่อหยุดเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด และในที่สุดเหล่าอเวนเจอร์จึงตัดสินใจจะจัดการ Supreme Intelligence และจบสงครามได้
หลังจากนั้น สภาพร่างกายของโทนี่ก็อยู่ในสภาพย่ำแย่ เขาพบว่าการเชื่อมต่อกับชุดเกราะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาทของเขา อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง อีกทั้งอาการก็ดูจะเลวร้ายลงจากการบาดเจ็บที่ไขสันหลังจนทำให้เขาเป็นอัมพาต เขาจึงต้องฝังชิพไว้เพื่อให้สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ แต่ไม่นานอาการก็ทรุดหนักลงอีกจนเขาต้องสร้างผิวหนังสังเคาะห์ที่มีการสร้าง วงจรเส้นประสาทเทียมขึ้นมาเพื่อช่วยด้วยอีกแรง
ด้วยสภาพร่างกายอันทรุดโทรมทำให้ โทนี่ ควบคุมการเคลื่อนไหวของเกราะ IRON MAN ผ่านทางรีโมตแทนการสวมชุด แต่เมื่อต่อกรกับศัตรูบางตัวอย่าง มาสเตอร์ ออฟ ไซแลนช์ เขาก็พบว่าแค่การควบคุมผ่านรีโมตนั้นยังไม่เพียงพอ โทนี่ จึงออกแบบชุดเกราะสำหรับสู้รบที่ติดตั้งอาวุธหนักมากขึ้น ซึ่งภายหลังรู้จักกันในชื่อ “ชุดเกราะวอร์แมชชีน ” และด้วยอาการที่ทรุดอย่างสุดๆ ทำให้เขาสร้างเรื่องความตายของเขาขึ้นมาเพื่อปลีกตัวไปรักษา ก่อนจะมอบหมายให้เจมส์เป็นผู้ดำเนินกิจการ
บริษัทสตาร์คเอ็นเตอร์ไพร์ส และมอบชุดเกราะวอร์แมชชีนให้เขาช่วยสานงานของ IRON MAN ต่อ จนเมื่อ โทนี่ ได้รับการฟื้นฟูเต็มรูปแบบด้วยการใช้ชิพตั้งระบบร่างกายใหม่ ทั้งหมด เขาจึงกลับมาสานต่อบทบาท IRON MAN อีกครั้ง แต่เมื่อเจมส์พบว่า โทนี่ นั้นหลอกใช้เขาด้วยการเอาเรื่องความตายมาโกหก เขาก็หัวเสียจนขอแยกทาง โดยเจมส์ยังคงใช้ชุดเกราะวอร์แมชชีนต่อสู้กับเหล่าร้าย
โทนี่ ใช้เกราะที่ใช้หมวก เวอร์ช่วล เรียลิตี้ ควบคุมระยะไกล ชื่อ เทเลเปรเซนส์ โรดส์ก็ไปเข้าร่วมทีมกับ เวสท์ โคส์ทอเวนเจอร์ แต่ตอนที่โทนี่สู้กับ เอิร์ท มูฟเวอร์ กลับทำให้ศัตรูเก่าอย่างอัลติโม่ และมันต้องการจะแก้แค้น IRON MAN ซึ่งมันก็สามารถทำให้เกราะเทเลเปรเซนส์ พังยับเยินส่งผลให้สตาร์คเกิดอาการโคม่าหมดสติไป โรดส์ได้กลับมาช่วยเหลือของ โทนี่ เขารวบรวมเพื่อนเก่าของ โทนี่ ที่เคยใส่เกราะ IRON MAN ทุกคนมาใส่เกราะทั้ง 6 ของ โทนี่ และตั้งกลุ่ม ไอออน ลีเจียน ไปรับมือกับอัลติโม่ ถึงจะเอาชนะไม่ได้ แต่ก็ถ่วงเวลาพอให้ โทนี่ ฟื้นสติขึ้นมา พร้อมกับชุดเกราะใหม่ MK XI หรือModular ออกมาใช้และเอาชนะอัลติโม่ได้
อุปนิสัยของสตาร์คเริ่มแปลกไป แบบที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ ก่อนที่จะพบว่าถูกควบคุมโดย อิมมอร์ตัส เพื่อหยุดยั้งสตาร์ค เหล่าอเวนเจอร์จึงไปนำสตาร์คหนุ่มจากอีกห้วงเวลานึงมา และขโมยเกราะIRON MAN สู้กับ สตาร์คที่แก่กว่า ผลการต่อสู้ทำให้สตาร์คแก่รู้สึกตัว และสละชีวิตตัวเองเข้าจัดการกับ อิมมอร์ตัส และทิ้งให้ สตาร์ค หนุ่มทำหน้าที่แทน
ต่อมาจะเป็นเนื้อเรื่องของสตาร์คหนุ่มที่ต้องเรียนมหาวิทยาลัย, จีบสาว และต่อสู้เพื่อควบคุม สตาร์คเอนเตอร์ไพรส์ แต่เมื่อ ออนสลอจท์ วายร้ายที่เกิดจากด้านมืดของ ชาร์ล เซเวียร์ หลอมรวมกับ แม็กนีโต้ และลงเอยที่เหล่าฮีโร่หายไปพร้อมกับออนสลอจท์
หลังจาก สตาร์ค หายไปพร้อมกับออนสลอจท์ เพื่อรักษาชีวิตของเหล่าฮีโร่ไว้ แฟรงคลิน ริชาร์ด ได้สร้าง จักรวาลย่อยขึ้นมาในแบบที่เขารู้จักเพื่อรักษาพวกเขาไว้ ในโลกนี้ สตาร์ค กลับมาเป็นผู้ใหญ่ ในโลกนี้เขาไม่ใช้นักธุรกิจที่ทุกคนรัก แต่เป็นไอ้ตัวแสบ เขาเพิ่งพ้นผิดจากข้อหาทำอินไซด์เทรด และขโมยข้อมูล ระหว่างไปชมการสาธิตชุดเกราะสงครามที่มีชื่อว่า โฟรมีเธียม สตาร์ค เกิดความขัดแย้งกับเป็ปเปอร์จนไล่เธอออกจากการเป็นผู้ช่วยส่วนตัวเขา ในโลกนี้บรู๊ซ แบนเนอร์ทำการค้นคว้ารังสีแกมม่าให้สตาร์ค และกลายเป็นฮัลค์เพื่อปกป้องการระเบิดของระเบิดแกมม่าที่ถูกพวก ไฮครา โจรกรรม และในการเผชิญหน้ากับ ฮัลค์ โทนี่ ได้รับบาดเจ็บที่หัวใจ จึงต้องใช้เกราะ โฟรมีเธียม เพื่อรักษาชีวิตเพื่อต่อสู้กับฮัลค์ หลังจากนั้นเขาก็ไปต่อสู้กับ ลิฟวิ่ง เลเซอร์ และเข้าร่วมกับอเวนเจอร์ หลังจากนั้นเหล่าฮีโร่ก็กลับมาสู่โลกเดิม และเริ่มต้นเนื้อเรื่องของตัวเองใหม่
ขณะที่สตาร์คกำลังต่อสู้กับวิปแปลช ชุดเกราะเกิดมีชีวิตขึ้นมาเพราะสายฟ้าของวืปแปลสทำให้ฟังชั่นชุดเกราะรวน ตอนแรกมันก็คอยเป็นบอดี้การ์ดติดตาม สตาร์ค และมันได้เรียนรู้ความรู้สึกนึก คิดจนมันคิดที่จะแทนที่ สตาร์ค งานนี้จึงต้องมีการปะทะกัน แต่สุดท้ายชุดเกราะก็สละหัวใจให้สตาร์ค ขณะที่ สตาร์ค กำลังหัวใจวายขณะต่อสู้
โทนี่ สตาร์ค และเหล่าอเวนเจอร์ ได้พบกับวิกฤิตอีกครั้ง เมื่อหนึ่งในอเวนเจอร์ สการ์เล็ต วิช เกิดจำเรื่องลูกของตัวเองได้ ที่เธอแต่งงานกับวิชั่นและมีลูก ซึ่งความจริงเป็นสิ่งที่เวทมนตร์สร้างลวงขึ้นมาเท่านั้น เธอจึงคลุ้มคลั่ง และคิดจะแก้แค้น
ซึ่งทำให้ สตาร์ค เกิดอาการมึนเมาและขู่จะฆ่าทูตของลัตวีเรียต่อหน้าสหประชาชา ติม, สก็อต แลงตาย, อเวนเจอร์ แมนชั่นพัง และโดนอัลตรอนบุก, ชี-ฮัลค์ คลุ้มคลั่งจนทำลายวิชั่นไป, โลกโดนกองทัพครีบุก ส่งผล ให้ฮออค์อายตาย ก่อนที่ดร.สเตรนจ์ จะโผล่มาและอธิบายว่าเป็นฝีมือของ สการ์เล็ต วิช แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร แม็กนีโต้ผู้เป็นพ่อก็มารับตัวเธอไป เหล่าอเวนเจอร์ก็ไม่อยากมีใครทำงานนี้อีกแล้ว จึงประกาศยุบทีมอย่างเป็นทางการ
ขณะที่ โทนี่ กำลังต่อสู้อยู่กับ เมาเลน สตาร์ค โดนโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส เขาจึงตัดสินใจฉีดไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสใส่ตัว เพื่อรักษาชีวิต ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกับ เมาเลน ฉีดให้ตัวเอง ไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสเปลี่ยนแปลงสตาร์คเป็นกึ่งมนุษย์-กึ่งจักรกล สามารถเก็บชุดเกราะไว้ในร่างกายได้
และสามารถเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีทั่วโลก และรักษาตัวเองได้ เขาได้ใส่ชุดใหม่ “เอ็กซ์ตรีมมิส” สตาร์ค ที่ได้พลังจากไวรัสนั้นได้รักษาตัวเอง และกลับไปจัดการ เมาเลน อีกครั้ง และสามารถฆ่าเมาเลนลงได้
credit : wiki
หน้าที่เข้าชม | 2,387,858 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,213,656 ครั้ง |
เปิดร้าน | 20 ธ.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |